บทความการตอกเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile ไมโครไพล์ Micropile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ หรือเข็มไอ I-Micropile เสาเข็มเพื่อการต่อเติม เสริมฐานราก และงานสร้างใหม่ ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 ภายใต้การรับรองระบบงานของ UKAS และ NAC และมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม (The Provision of Pile Driving Service)

ความรู้ดีๆ เรื่องวิศวกรรมงานฐานราก งานดินและเสาเข็ม – ระบบโครงสร้างฐานรากรับรั้วที่มีเสถียรภาพทางด้านข้างต่ำ

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

ในทุกๆ วันพฤหัสบดีแบบนี้ ผมก็จะมาพบกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะพูดคุยกันถึงหัวข้อ “ความรู้ดีๆ เรื่องวิศวกรรมงานฐานราก งานดินและเสาเข็ม” นะครับ
วันนี้ผมมีรูปจริงๆ ของระบบโครงสร้างฐานรากซึ่งคอยทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรั้วให้แก่โครงสร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งได้เกิดรูปแบบ “กึ่งวิบัติ” ขึ้น สาเหตุที่ผมใช้คำว่า กึ่งวิบัติ นั้นเป็นเพราะว่าถึงแม้ว่าโครงสร้างเสานั้นจะเกิดรอยร้าวที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่าเลยแต่ก็ยังดีว่าระบบโครงสร้างโดยรวมนั้นยังไม่ได้ถึงขั้นเกิดการวิบัติอย่างสมบูรณ์ โดยที่เจ้าของนั้นก็คงจะสังเกตเห็นและก็ทำการใช้ท่อนไม้ในการทำหน้าที่เป็นโครงสร้างค้ำยันให้แก่ระบบโครงสร้างนี้ได้ทันการพอดีน่ะครับ

โดยที่ผมได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า แต่เดิมนั้นเจ้าของมีความต้องการที่จะก่อสร้างเจ้าโครงสร้างนี้เพื่อให้คอยทำหน้าที่ในการรับแรงในแนวดิ่งจากรั้วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เจ้าของจึงได้เลือกทำการก่อสร้างให้ระบบโครงสร้างฐานรากนั้นเป็นระบบโครงสร้างฐานรากที่ใช้เสาเข็มเพียงต้นเดียว ซึ่งไม่ใช่ระบบโครงสร้างฐานรากที่ใช้เสาเข็มมากกว่าหนึ่งต้นขึ้นไปซึ่งจะทำให้ระบบโครงสร้างนั้นมีเสถียรภาพของการรับแรงกระทำทางด้านข้างที่สูงกว่าระบบแรก ต่อมาก็ปรากฏว่า ได้เกิดแรงในแนวราบเพิ่มเติมขึ้นมาในภายหลังซึ่งแน่นอนว่าแรงประเภทนี้มักถูกมองข้ามไปหรืออาจจะไม่ได้ถูกมองข้ามแต่ก็อาจจะเกิดจากความประมาทของเจ้าของหรือผู้ทำการก่อสร้างเอง หรือ อาจจะถูกประเมินและคาดคะเนผลของการเลือกใช้ระบบโครงสร้างดังกล่าวเอาไว้ค่อนข้างที่จะต่ำมากจนเกินไป เช่น เกิดแรงกระทำจากดินที่ถูกนำมาถมเพิ่ม หรือ เกิดจากแรงกระทำจากน้ำหนักบรรทุกจรที่วางอยู่บนดินถมอีกทีหนึ่ง เป็นต้นนะครับ

ซึ่งหากจะให้ผมนิยามระบบโครงสร้างของรั้วแบบนี้ ผมก็จะให้นิยามว่าเป็น “ระบบโครงสร้างฐานรากรับรั้วที่มีเสถียรภาพทางด้านข้างต่ำ” หรือ LOW LATERAL STABILITY WALL FOUNDATION STRUCTURE ซึ่งชื่อของเจ้าระบบโครงสร้างของรั้วแบบนี้ก็มีความชัดเจนอยู่แล้วว่ามันจะมีเสถียรภาพทางด้านข้างที่ค่อนข้างที่จะต่ำมากๆ เลย ซึ่งหากเจ้าของมีความต้องการที่จะแก้ไขหรือทำให้เจ้าโครงสร้างดังกล่าวนี้กลับมาตั้งอยู่ได้อยู่ในสภาพที่มีความสมบูรณ์และมีเสถียรภาพที่ดีเหมือนเดิม หากโชคดีสักหน่อยก็อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปถึงขั้นทำการรื้อระบบโครงสร้างเดิมออกทั้งหมดแต่ก็คงจะต้องทำการแก้ไขและเสริมกำลังให้แก่ตัวโครงสร้างเดิมเสียใหม่ ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวก็คงจะต้องเสียสตางค์อีกมากโข อีกทั้งคงจะต้องเหนื่อยกันอีกพักใหญ่เลยละครับ

สุดท้ายนี้ผมก็คงที่จะให้คำแนะนำกับเพื่อนๆ เหมือนเดิมอีกสักครั้งหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตัวของผมเองก็เคยพูดอยู่บ่อยๆ และเป็นประจำอยู่แล้ว นั่นก็คือ หากเพื่อนๆ มีความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอรูปแบบของการวิบัติเหมือนกันกับในรูปตัวอย่างเหล่านี้หรือไม่อยากที่จะต้องมาเสียสตางค์ในการแก้ไขโครงสร้างจำพวกนี้ซ้ำหลายๆ รอบ เวลาที่เพื่อนๆ จะทำการก่อสร้างโครงสร้างซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในการรับแรงกระทำในแนวดิ่งเป็นหลักอยู่แล้วและก็ยังมีความเสี่ยงที่จะต้องทำหน้าที่ในการรับแรงกระทำในแนวราบจากดินและน้ำหนักบรรทุกจรอีกด้วย เพื่อนๆ ก็ควรที่จะใช้เป็นระบบโครงสร้างฐานรากที่ใช้เสาเข็มมากกว่าหนึ่งต้นขึ้นไป เหตุผลก็สืบเนื่องมาจากการที่ระบบโครงสร้างฐานรากที่ใช้เสาเข็มมากกว่าหนึ่งต้นขึ้นไปนั้นจะมีเสถียรภาพต่อการต้านทานแรงกระทำจากทั้งในแนวดิ่งและแนวราบที่ดีกว่าระบบโครงสร้างฐานรากที่ใช้เสาเข็มเพียงต้นเดียวนั่นเองครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านจากคำถามในวันนี้น่าที่จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
#โพสต์วันพฤหัสบดี
#ความรู้เกี่ยวกับการทำงานเสาเข็มและฐานราก
#ตัวอย่างระบบโครงสร้างฐานรากรับรั้วที่มีเสถียรภาพทางด้านข้างต่ำ
ADMIN JAMES DEAN


บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปัน ไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)

1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น

2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น

3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น

เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)

4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น

5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น

เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)

6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น

7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น

8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447 (คุณจิน)
☎️ 082-790-1448 (คุณสปัน)
☎️ 082-790-1449 (คุณปุ๊ก)
☎️ 091-9478-945 (คุณสปัน)
☎️ 091-8954-269 (คุณสปัน)
☎️ 091-8989-561 (คุณมาย)
📲 https://lin.ee/hum1ua2
🎥 https://lin.ee/gN4OMZe
📥 https://m.me/bhumisiam

 

🌎 Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com

ที่มาและความสำคัญ ของสมการในการคำนวณหาระยะความลึกประสิทธิผลน้อยที่สุด ในหน้าตัดโครงสร้างคานรับแรงดัด

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

กลับมาพบกันในทุกๆ วันจันทร์แบบนี้อีกครั้งหนึ่งซึ่งผมก็จะมาพบกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะพูดคุยกันถึงหัวข้อ “ความรู้ดีๆ เพื่อคุณผู้หญิง” นะครับ

ผมมีคำถามเข้ามาจากแฟนเพจที่เป็นน้องวิศวกรซึ่งเป็นผู้หญิงท่านหนึ่งเกี่ยวกับสมการที่ใช้ในการตรวจสอบหาว่า ระยะความลึกประสิทธิผลน้อยที่สุด หรือค่า EFFECTIVE DEPTH ซึ่งเรามักจะแทนค่าด้วยตัวย่อว่า dmin ที่หน้าตัดของโครงสร้างคานรับแรงดัดของเรานั้นมีความต้องการนั้นมีที่มาที่ไปของสมการคำนวณจากอะไร ซึ่งผมก็ได้ตอบไปในทันทีเลยว่า ก็มาจากสมการที่ใช้ในการคำนวณหาค่าอัตราส่วนของเหล็กเสริมรับแรงดึงหรือสมการที่ใช้ในการคำนวณหาค่าปริมาณของเหล็กเสริมรับแรงดึงนั่นแหละ ผมเลยคิดว่าจะเอาคำตอบที่ผมได้ตอบน้องท่านนี้เอามาเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนๆ ด้วยก็น่าที่จะเป็นการดีนะครับ

ก่อนอื่นเรามาดูหน้าตาของเจ้าสมการที่เราใช้ในการคำนวณหาค่า dmin กันก่อน ซึ่งก็จะมีหน้าตาของสมการดังต่อไปนี้นะครับ
dmin = √[2×m×Mu/(Ø×b×fy)]

ซึ่งหากเพื่อนๆ ได้เห็นหน้าตาของเจ้าสมการๆ นี้แล้ว ไม่ทราบว่ามีใครพอที่จะมีความคุ้นหน้าคุ้นตาเจ้าสมการตัวนี้บ้างหรือไม่ครับ ?
ผมเฉลยเลยก็แล้วกันนะ สมการนี้ก็มาจากสมการที่ใช้ในการคำนวณหาค่าอัตราส่วนของเหล็กเสริมรับแรงดึงหรือสมการที่ใช้ในการคำนวณหาค่าปริมาณของเหล็กเสริมรับแรงดึงตามที่ผมได้แจ้งไปข้างต้น ซึ่งหน้าตาของสมการที่ใช้ในการคำนวณหาค่าปริมาณของเหล็กเสริมรับแรงดึงนั้นเป็นดังต่อไปนี้
As,req’d = b×d/m×{ 1 − √[1 − 2×m×Mu/(Ø×b×d^(2)×fy)] }

ซึ่งหากเพื่อนๆ ลองสังเกตดูพจน์ในวงเล็บให้ดีๆ ก็จะพบว่า สมการนี้จะมีค่าเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ ผลจากการลบกันระหว่างค่า 1.00 กับพจน์ท้ายสุดนั้นต้องมีค่าเป็น “บวก” หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือต้องมีค่าเท่ากับ “0” พูดง่ายๆ ก็คือ ผลจากการคูณและหารกันของพจน์ท้ายสุดนั้นจะต้องมีค่าที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.00 นั่นเอง ดังนั้นหากผมแทนค่าให้สมการเป็นตามที่ว่าก็จะได้
1 − 2×m×Mu/[Ø×b×d^(2)×fy] ≥ 0
1 = 2×m×Mu/[Ø×b×d^(2)×fy] d^(2) = 2×m×Mu/(Ø×b×fy)
d = √[2×m×Mu/(Ø×b×fy)] → dmin

ซึ่งจะเห็นได้ว่าสมการข้างต้นนี้จะเป็นสมการที่ใช้ในการคำนวณเพื่อเป็นการตรวจสอบและยืนยันกับเราว่า ค่าระยะความลึกประสิทธิผลน้อยที่สุดที่หน้าตัดของเรานั้นมีต้องการจะมีค่าเท่ากับเท่าใด หากว่าหน้าตัดของโครงสร้างคานรับแรงดัดของเรานั้นมีค่าระยะความลึกประสิทธิผลจริงน้อยกว่าค่าดังกล่าว นั่นก็แสดงว่าเราจะต้องทำการเพิ่มขนาดของความลึกประสิทธิผลของหน้าตัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยแต่หากผลจากการคำนวณนั้นยืนยันออกมาแล้วว่า ค่าระยะความลึกประสิทธิผลที่เราใช้นั้นออกมามีค่าที่น้อยกว่าค่าระยะความลึกประสิทธิผลน้อยที่สุดที่คำนวณได้จากสมการข้างต้นและเราไม่ได้ทำการเพิ่มค่าๆ นี้ให้มากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ เรายังฝืนที่จะใช้ค่าระยะความลึกประสิทธิผลนี้ นั่นก็หมายความว่าหน้าตัดของเราจะไม่มีความปลอดภัยต่อการรับแรงดัด กล่าวคือหน้าตัดของเราจะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะใช้ในการต้านทานแรงดัดที่เกิดขึ้นนั่นเองครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านจากคำถามในวันนี้น่าที่จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
#โพสต์ของวันจันทร์
#ความรู้ที่มีประโยชน์เพื่อคุณผู้หญิง
#ที่มาและความสำคัญของสมการในการคำนวณหาระยะความลึกประสิทธิผลน้อยที่สุดในหน้าตัดโครงสร้างคานรับแรงดัด
ADMIN JAMES DEAN


Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน ทดสอบการรับน้ำหนักโดยวิธี Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447
☎️ 082-790-1448
☎️ 082-790-1449
☎️ 091-9478-945
☎️ 091-8954-269
☎️ 091-8989-561
📲 https://lin.ee/hum1ua2
📥 https://m.me/bhumisiam

ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแตกร้าวในคอนกรีต

ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแตกร้าวในคอนกรีต

ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการแตกร้าวขึ้นในคอนกรีตสามารถอาจสามารถที่จะสรุปได้ดังนี้
1) วัตถุดิบและสัดส่วนการผสมคอนกรีต อัน ได้แก่ วัสดุมวลรวม ปูนซีเมนต์ น้ำ น้ำยาผสมคอนกรีต
– วัสดุมวลรวม ได้แก่ หิน ทราย แร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบ รูปร่างลักษณะของผิวและส่วนคละของวัสดุมวลรวมมีผลต่อการออกแบบส่วนผสม สัมประสิทธิ์การนำความร้อน DRYING SHRINKAGE, STIFFNESS, CREEP และ ความแข็งแรงของคอนกรีต เช่น หินและทรายที่มีดินเหนียวปนอยู่ด้วย จะหดตัวมากกว่าปูนซีเมนต์จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าวได้ง่าย เป็นต้น
– ปูนซีเมนต์ โดยทั่วไปคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนต์มากหรือเป็นปูนซีเมนต์ที่มีปริมาณซิลิก้าสูงหรือมีความละเอียดสูง เช่น ปอร์ตแลนด์ ประเภท 3 ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดการแตกร้าวได้มาก เป็นต้น
– น้ำ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการผสมคอนกรีตเพราะถ้าใช้น้ำในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการแตกร้าวได้มาก และ ยังทำให้กำลังอัดของคอนกรีตลดต่ำลงด้วย
– น้ำยาผสมคอนกรีต น้ำยาบางชนิดอาจมีผลทำให้เกิดการแตกร้าวได้ เช่น น้ำยาเร่งการแข็งตัว แต่น้ำยาบางชนิด ก็ช่วยลดการแตกร้าวได้ เช่น น้ำยาหน่วงการก่อตัว เป็นต้น

2) การเทคอนกรีต (PLACING)
อัตราการเท และ สภาพการทำงานมีผลต่อการแตกร้าวอย่างแน่นอน ซึ่งมักเป็นผลมาจากการเยิ้มของคอนกรีต (BLEEDING) น้ำที่ไหลเยิ้มขึ้นมาที่ส่วนบนของคอนกรีต จะทำให้เกิดช่องว่างใต้หิน โดยเฉพาะ ส่วนที่อยู่ลึกๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกร้าวภายในได้รวมทั้งการแยกตัวของคอนกรีต อุณหภูมิภายนอก การทรุดตัวไม่เท่ากันของพื้นด้านล่าง หรือ ส่วนที่เป็นแบบรองรับคอนกรีต ก็สามารถทำให้เกิดการแตกร้าวได้เช่นกัน

3) สภาพการทำงาน นับเป็นปัจจัยภายนอกที่เข้ามาเกี่ยวข้องในขณะทำงานได้
– อุณหภูมิ (TEMPERATURE) ปกติอัตราการรับกำลังได้ของคอนกรีตจะแปรตามอุณหภูมิ อย่างไรก็ตามอิทธิพลที่สำคัญของอุณหภูมิที่มีต่อคอนกรีต คือ เมื่อคอนกรีตเย็นตัวลง จะหดตัว โดยเฉพาะงานคอนกรีตในอากาศร้อน และ งานคอนกรีตปริมาณมากๆ (MASS CONCRETE) ดังนั้นพื้นคอนกรีตที่หล่อขณะอากาศเย็นจะเกิดการแตกร้าวน้อยกว่าหล่อขณะอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้จะเกิดกับงานคอนกรีตสำหรับโครงสร้างอื่นๆ ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ การเทคอนกรีตในปริมาณมากๆ จึงมักทำการเทในเวลากลางคืนที่มีอากาศเย็นกว่า
– การสัมผัสกับสภาพรอบข้าง (EXPOSURE) ลักษณะอากาศที่คอนกรีตสัมผัสมีอิทธิพลอย่างมากต่อการแตกร้าวของคอนกรีต อุณภูมิและความชืื้นที่แตกต่างกันมากในช่วงวัน เป็นผลทำให้เกิดการรั้งภายในของคอนกรีตอย่างมาก (INTERNAL RESTRAINT) เพราะการยืดหดตัวของผิว และ ส่วนที่อยุ่ภายในจะไม่เท่ากันทำให้คอนกรีตเกิดการแตกร้าวได้

4) การบ่มคอนกรีต (CURING)
ความชื้นในคอนกรีตเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าก่อนหรือหลังการบ่ม สำหรับงานพื้นถ้าคอนกรีตแห้งเร็วเกินไป อัตราการระเหยของน้ำที่ผิวหน้าคอนกรีตอาจจะเร็วกว่าอัตราการเยิ้ม (BLEEDING) เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ผิวหน้าของคอนกรีตจะเกิดการหดตัว ทำให้เกิดการแตกร้าวขึ้น การป้องกันสามารถทำได้โดยทำให้แบบหล่อซุ่มน้ำหลกเลี่ยงการเทคอนกรีตในข่วงทีทมีอุณภูมิสูง บ่มคอนกรีตในทันทีที่ทำได้ พยายามป้องกันลมและแสงแดดขณะเทคอนกรีตเพื่อไม่ให้น้ำในคอนกีตระเหยเร็วเกินไป

5) การยึดรั้งตัว (RESTRAINT)
คอนกรีตที่ถูกยึดรั้งไว้จะไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ไม่ว่าจะเป็นการยึดรั้งจากฐานรากหรือโครงสร้างใกล้เคียง จะทำให้เกิดการแตกร้าวขึ้นได้ การเกิดรอยแตกในแนวดิ่งที่ฐานกำแพงของอาคารถือเป็นเรื่องปกติ ถ้ารอยแตกนั้นไม่ขยายต่อถึงด้านบน ดังนั้นจึงมักพบว่า กำแพงหรือพื้นยาว ที่ไม่มีการตัด JOINT มักจะเกิดรอยแตกขึ้นเป็นช่วงๆ ส่วนกำแพงที่หล่อติดเป็นชิ้นเดียวกันกับโครงสร้าง มีโอกาสที่จะแตกร้าวทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ การยึดรั้งก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการทรุดไม่เท่ากันของโครงสร้าง

โดยทั้วไป คอนกรีตที่ถูกยึดรั้งไม่ให้หดตัวสูงจะเกิดรอยแตกขึ้นมา แต่รอยแตกเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นรอยแคบๆ การเสริมกำแพงหรือพื้นด้วยเหล็กปริมาณมากๆ ทำให้เกิดรอยแตกราวลักษณะนี้มากกว่าการเสริมเหล็กในปริมาณที่น้อยกว่า หรือ ที่มักเรียกว่าเหล็กเสริมต้านทานอุณหภูมิ (TEMPERATURE REINFORCEMENT) แต่เมื่อรวมความกว้างของรอยแตกแล้วทั้ง 2 กรณี จะมีความกว้างเท่าๆ กัน ทำนองเดียวกัน เหล็กที่รับแรงดึงสูง (HIGH YIELD POINT STEEL) จะทำให้เกิดรอยแตกกระจายอยู่ทั่วไปมากกว่าเหล็กก่อสร้างทั่วไป (STRUCTURAL GRADE STEEL) รอยแตกแคบๆ มักไม่ก่อให้เกิด ปัญหาเพราะสังเกตได้ยากและฝนมีโอกาศซึมผ่านได้ค่อนข้างน้อย

คอนกรีตที่เกิดการยึดรั้งภายในอาจเกิดขึ้นได้ถ้าเป็นโครงสร้างเดียวกัน แต่ใช้คอนกรีตที่มีส่วนผสมต่างกันเช่นใช้ปูนซีเมนต์ไม่เท่ากัน หรือ มีสัดส่วนของหินและทรายที่ต่างกัน

จากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด จะเห็นได้ว่าสาเหตุการแตกร้าวของคอนกรีตนั้นมีมากมายซึ่งมักจะไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียวแต่มักจะเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุพร้อมกัน

Miss Spunpile 

Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน ทดสอบการรับน้ำหนักโดยวิธี Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447
☎️ 082-790-1448
☎️ 082-790-1449
☎️ 091-9478-945
☎️ 091-8954-269
📲 https://lin.ee/hum1ua2
📥 https://m.me/bhumisiam

#ไมโครไพล์ #เสาเข็มไมโครไพล์ #Micropile

ประเภทของยางมะตอย ที่นิยมนำมาใช้งานเทปิดผิวหน้าของทางและถนน

ประเภทของยางมะตอย ที่นิยมนำมาใช้งานเทปิดผิวหน้าของทางและถนน

ยางมะตอย ก็คือ วัสดุที่สกัดได้จากน้ำมันดิบ มีลักษณะเป็นสีดำ มีความเหนียว และความหนืดที่ค่อนข้างจะต่ำ ยางมะตอยนิยมใช้ในงานการก่อสร้างทางและถนนเป็นหลัก โดยที่จะใช้เป็นวัสดุปิดทับที่ผิวหน้า ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของยางมะตอยก็คือจะทำหน้าที่ประสานระหว่างวัสดุหยาบ เช่น หิน ทราย เป็นต้น โดยจะช่วยทำให้การผสมนั้นเข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันได้ดียิ่งขึ้น โดยวัสดุที่ถูกนำมาใช้ในการเทผิวหน้าของถนนนั้นจะมีชื่อเรียกแบบเต็มๆ ว่า แอสฟัลท์ติกคอนกรีต หรือ ASPHALTIC CONCRETE และ มักที่จะเรียกแบบย่อๆ กันว่า แอสฟัลท์

ยางมะตอยมี 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
1. ยางมะตอยประเภทที่มีความแข็งตัว หรือ แอสฟัลท์ซีเมนต์ (ASPHALT CEMENT หรือ AC)
ยางมะตอยชนิดนี้เป็นยางมะตอยที่ได้จากหินแอสฟัลท์ธรรมชาติ หรือ ผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมัน ยางมะตอยชนิดนี้จะมีลักษณะที่ค่อนข้าง แข็ง และ เหนียว โดยที่ยางมะตอยชนิดนี้ยังสามารถแบ่งออกได้เป็นชนิดต่างๆ โดยแบ่งเกณฑ์ได้ตามค่าความแข็ง ซึ่งวัดได้เป็นค่า PENETRATION GRADE ยางมะตอยชนิดนี้ยังสามารถที่จะใช้ผสมกับหินขนาดต่างๆ ที่ต้องผ่านกระบวนการๆ เผาหินให้มีความร้อนและปราศจากซึ่งความชื้นแล้วค่อยนำไปผสมกับยางมะตอยชนิดนี้ที่ถูกทำให้ร้อนและเหลวพอที่จะสามารถทำการกวนและผสมให้เข้ากันได้ โดยต้องดูว่ายางมะตอยชนิดนี้จะต้องสามารถเคลือบผิวเม็ดหินได้อย่างทั่วถึงก่อนที่จะถูกนำไปใช้ปูลาดบนพื้นทาง สามารถที่จะทำการบดทับให้แน่นเป็นผิวทางบนท้องถนนได้

(2) ยางมะตอยประเภทที่เป็นน้ำมัน หรือ ยางคัตแบกแอสฟัลท์ (CUT BACK หรือ CB)
ยางมะตอยชนิดนี้เป็นยางยางมะตอยชนิดเหลวที่อุณหภูมิปกติ ซึ่งจะได้จากการนำยางมะตอย AC มาผสมเข้ากันกับสารทำละลาย เพื่อทำให้ยางแข็ง AC นั้นมีความเหลวตัวลง ทั้งนี้ก็เพื่อให้สะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ความร้อนที่สูงมาก เมื่อตัวทำละลายระเหยไปก็จะทำให้ยางมะตอยนั้นมีเนื้อที่แข็งขึ้นไปอีก ซึ่งในที่สุดก็จะทำหน้าที่ในการประสานให้วัสดุต่างๆ นั้นเกิดการยึดเกาะกันแน่นมากยิ่งขึ้น หรือ ใช้เป็นไพรมโคท

(3) ยางมะตอยประเภทที่เป็นน้ำ หรือ ยางอีมัลชั่น หรือ อีมัลซีฟายแอสฟัลท์ (EMULSIFIED ASPHALT หรือ EA)
ยางมะตอยชนิดนี้เป็นยางมะตอยน้ำที่ได้จากการใช้ยางมะตอย AC มาทำให้ร้อนและทำให้แตกตัวออกเป็นอณุภาคเล็กๆ ด้วยอีมัลซีฟายเออร์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถที่จะจับตัวและผสมเข้ากันกับอณุภาคของน้ำจนเป็นยางน้ำนั่นเอง โดยที่ยางมะตอยชนิดนี้จะมีเนื้อยางอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ถึง 60 ยางชนิดนี้จะมีความสะดวกในการนำมาใช้งานมากๆ โดยสามารถที่จะนำมาใช้งานได้หลากหลายประเภท เช่น งานก่อสร้างทาง งานซ่อมบำรุงผิวทาง เป็นต้น ทั้งนี้เป็นเพราะว่าในการผลิตยางมะตอยชนิดนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความร้อนใดๆ ทั้งสิ้นเลย ถึงแม้ว่าวัสดุที่เป็นหินจะเปียกน้ำก็สามารถนำมาใช้กับยางประเภทนี้ได้ เมื่อน้ำระเหยไปหมดก็จะคงเหลือเอาไว้เพียงแต่เนื้อยางที่จับแน่นอยู่ที่ผิวของหินซึ่งก็จะทำหน้าที่เป็นตัวยึดประสานให้หินนั้นยึดติดเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้มีความสะดวกมากกว่าการใช้ยางมะตอย CB หรือ ยางมะตอย AC ที่จำเป็นที่จะต้องให้หินนั้นมีผิวที่แห้งและปราศจากความชื้นก่อนการใช้งาน

จะเห็นได้ว่า ยางมะตอย มีหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งยางมะตอยแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติทางด้านกายภาพต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันออกไปด้วย ดังนั้นสำหรับการเลือกใช้งานยางมะตอยแต่ละประเภทเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้งานให้มีความเหมาะสมกับประเภทของการทำงานและคุณสมบัติที่ได้มีการกำหนดเอาไว้ในคุณสมบัติของงานก่อสร้างด้วย

Miss Spunpile 

Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน ทดสอบการรับน้ำหนักโดยวิธี Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447
☎️ 082-790-1448
☎️ 082-790-1449
☎️ 091-9478-945
☎️ 091-8954-269
📲 https://lin.ee/hum1ua2
📥 https://m.me/bhumisiam

#ไมโครไพล์ #เสาเข็มไมโครไพล์ #Micropile

ประสบการณ์งานคำนวณออกแบบและการก่อสร้าง – โครงสร้างหลังคายื่น

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

กลับมาพบกันในทุกๆ วันพุธแบบนี้อีกครั้งหนึ่งซึ่งผมก็จะมาพบกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะพูดคุยกันถึงหัวข้อ “ความรู้ดีๆ เรื่องประสบการณ์งานคำนวณออกแบบและการก่อสร้าง” นะครับ
หลังจากที่ในหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ผมเคยได้พูดถึงเรื่องโครงสร้างๆ หนึ่งในการโพสต์หลายๆ ครั้งของผม ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นตัวของผมเองก็ไม่เคยมีโอกาสที่จะได้ทำการขยายความและอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างๆ นี้โดยละเอียดสักที ผมเลยอยากจะขอใช้พื้นที่ในการโพสต์ประจำทุกๆ วันพุธแบบนี้ในการพูดถึงเรื่องของเจ้าโครงสร้างประเภทนี้นั่นก็คือ โครงสร้างหลังคายื่น หรือ CANOPY ROOF STRUCTURE นั่นเองครับ


โดยที่โพสต์ในวันนี้ผมจะขอเริ่มต้นโดยการพาเพื่อนๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกันกับประเภทหลักๆ ของ โครงสร้างหลังคาแบบยื่น กันก่อนซึ่งก็จะประกอบไปด้วย
1. โครงสร้างหลังคายื่นที่ไม่อาศัยชิ้นส่วนอื่นๆ ในการรับแรง
2. โครงสร้างหลังคายื่นที่อาศัยชิ้นส่วนในการรับแรงดึง
3. โครงสร้างหลังคายื่นที่อาศัยชิ้นส่วนในการรับแรงอัด

พอเห็นชื่อข้างต้นก็อย่าเพิ่งงงกันไปเพราะจริงๆ แล้วชื่อทั้ง 3 ข้างต้นนั้นถูกจัดเรียงตามประเภทของคุณลักษณะของจุดต่อหรือ BOUNDARY CONDITIONS ของหลังคายื่นและชิ้นส่วนที่จะเข้ามาช่วยในการรับแรง ดังนั้นเรามาเริ่มต้นทำความรู้จักกับหลังคาแบบยื่นประเภทแรกกันเลย
1. โครงสร้างหลังคายื่นที่ไม่อาศัยชิ้นส่วนอื่นๆ ในการรับแรง ซึ่งก็จะเป็นไปตามรูปที่ 1 โดยที่เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่า หลังคายื่นที่ไม่อาศัยชิ้นส่วนอื่นๆ ในการรับแรงนั้นจะอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพด้วยตัวของโครงสร้างหลังคาเอง โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีชิ้นส่วนใดๆ ในการช่วยเพิ่มเสถียรภาพหรือช่วยรับแรงเพิ่มเติมเลย ดังนั้นจุดต่อของหลังคายื่นชนิดนี้จะมีความต้องการทางด้านคุณลักษณะของจุดต่อขั้นต่ำที่สุดก็คือ เป็นจุดต่อแบบยึดแน่นหรือ RIGID SUPPORT นะครับ
2. โครงสร้างหลังคายื่นที่อาศัยชิ้นส่วนในการรับแรงดึง ซึ่งก็จะเป็นไปตามรูปที่ 2 โดยที่เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่า หลังคายื่นที่อาศัยชิ้นส่วนในการรับแรงดึงนั้นจะอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพด้วยตัวชิ้นส่วนโครงสร้างที่จะทำหน้าที่ในการช่วยรับแรงดึงและโดยมากแล้วเจ้าชิ้นส่วนโครงสร้างชิ้นนี้จะถูกติดตั้งให้อยู่ที่ด้านบนของหลังคายื่น ดังนั้นจุดต่อของหลังคายื่นชนิดนี้จะมีความต้องการทางด้านคุณลักษณะของจุดต่อขั้นต่ำที่สุดก็คือ เป็นจุดต่อแบบกึ่งยึดแน่นหรือ SEMI-RIGID SUPPORT นะครับ
3. โครงสร้างหลังคายื่นที่อาศัยชิ้นส่วนในการรับแรงอัด ซึ่งก็จะเป็นไปตามรูปที่ 3 โดยที่เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่า หลังคายื่นที่อาศัยชิ้นส่วนในการรับแรงอัดนั้นจะอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพด้วยตัวชิ้นส่วนโครงสร้างที่จะทำหน้าที่ในการช่วยรับแรงอัดและโดยมากแล้วเจ้าชิ้นส่วนโครงสร้างชิ้นนี้จะถูกติดตั้งให้อยู่ที่ด้านล่างของหลังคายื่น ดังนั้นจุดต่อของหลังคายื่นชนิดนี้จะมีความต้องการทางด้านคุณลักษณะของจุดต่อขั้นต่ำที่สุดก็คือ เป็นจุดต่อแบบอย่างง่ายหรือ SIMPLE SUPPORT นะครับ

หลังจากที่วันนี้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกันกับคุณลักษณะต่างๆ ของจุดต่อที่สามารถจะแบ่งออกได้ตามประเภทหลักๆ ของโครงสร้างของหลังคายื่นทั้ง 3 ประเภทข้างต้นกันแล้วในสัปดาห์หน้าผมจะขออนุญาตนำเอาเรื่องของรายละเอียดต่างๆ ของเจ้าดครงสร้างหลังคายื่นแต่ละประเภทนั้นมาขยายความให้แก่เพื่อนๆ ก็แล้วกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เพื่อนๆ นั้นได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องๆ นี้ที่มากยิ่งขึ้นและหากเพื่อนๆ ท่านใดที่มีความสนใจเนื้อเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อๆ นี้เป็นพิเศษ ก็สามารถที่จะติดตามอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องๆ นี้ของผมได้ในการพบกันในครั้งต่อไปของเราได้นะครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านจากคำตอบในวันนี้น่าที่จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
#โพสต์ของวันพุธ
#ความรู้เรื่องประสบการณ์งานคำนวณออกแบบและการก่อสร้าง
#ความรู้เรื่องโครงสร้างหลังคายื่น
#ครั้งที่1
ADMIN JAMES DEAN


บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปัน ไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐาน มอก. การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)

☎ สายด่วนภูมิสยาม:
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449
091-947-8945
081-634-6586

🌎 Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com

โครงสร้างแผ่นพื้นสำเร็จรูปหน้าตัดผสมเหล็ก หรือ STRUCTURAL COMPOSITE STEEL DECK SLAB

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

กลับมาพบกันในทุกๆ วันพุธแบบนี้อีกครั้งหนึ่งซึ่งผมก็จะมาพบกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะพูดคุยกันถึงหัวข้อ “ความรู้ดีๆ เรื่องประสบการณ์งานคำนวณออกแบบและการก่อสร้าง” นะครับ

ตอนนี้เรากำลังพูดถึงเรื่องงาน โครงสร้างเหล็กรูปพรรณ หรือ STRUCTURAL STEEL กันอยู่และหลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมได้พูดถึงหลายๆ เรื่องที่มีความเกี่ยวพันกันกับโครงสร้างเหล็กรูปพรรณไปแล้ว เช่น โครงสร้างคานเหล็กรูปพรรณ หรือ STRUCTURAL STEEL BEAM โครงสร้างหลังคายื่น หรือ CANOPY ROOF STRUCTURE เป็นต้น และเพื่อให้ต่อเนื่องจากในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งผมได้พูดถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับงานโครงสร้างเหล็กรูปพรรณนั่นก็คือ โครงสร้างพื้น หรือ FLOOR STRUCTURE ที่เรามักจะนำมาใช้ในงานโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ ดังนั้นในวันนี้ผมก็จะขออนุญาตมาอธิบายถึงโครงสร้างพื้นประเภทสุดท้ายแล้วนั่นก็คือ โครงสร้างพื้นแบบไฮบริด หรือ HYBRID STRUCTURAL SLAB นะครับ

ใช่แล้ว เพื่อนๆ อ่านไม่ผิด ซึ่งจริงๆ แล้วที่ผมเขียนว่าเป็น โครงสร้างพื้นแบบไฮบริด ก็ไม่ได้เกินจริงมากจนเกินไปนักและที่ผมใช้ชื่อเรียกแบบนี้นั่นเป็นเพราะว่าพื้นชนิดนี้จะต้องอาศัยการผสมผสานกันทางด้านกลศาสตร์ระหว่างวัสดุเหล็กและวัสดุคอนกรีต ซึ่งพื้นชนิดนี้จะมีชื่อเรียกทางเทคนิคจริงๆ ว่า โครงสร้างแผ่นพื้นสำเร็จรูปหน้าตัดผสมเหล็ก หรือ STRUCTURAL COMPOSITE STEEL DECK SLAB ซึ่งลักษณะของ โครงสร้างแผ่นพื้นสำเร็จรูปหน้าตัดผสมเหล็ก นั้นจะประกอบไปด้วยแผ่นลอนเหล็กซึ่งจะวางตัวอยู่ที่ชั้นใต้สุดของแผ่นพื้น ซึ่งเจ้าแผ่นเหล็กนี้เองก็จะทำหน้าที่เป็นแบบท้องพื้นไปในตัว ดังนั้นพื้นชนิดนี้จะไม่จำเป็นที่จะต้องมีการตั้งไม้แบบเพื่อที่จะรับท้องพื้นเพิ่มเติมอีกแล้วแต่หากความยาวช่วงนั้นมีค่าค่อนข้างสูง ก็อาจจะมีการค้ำยันที่บริเวณท้องพื้นเพิ่มเติมก็เท่านั้น ส่วนทางด้านบนก็จะใช้เป็นการเทคอนกรีตโครงสร้างเพื่อที่จะทับลงไปที่ด้านบน ทั้งนี้เมื่อคอนกรีตเริ่มแข็งตัวแล้วเราก็จะได้แผ่นพื้นที่มีกำลังความสามารถในการรับน้ำหนักที่ไม่แพ้ชนิดอื่นๆ เลย ซึ่งสิ่งที่ผมได้ทำการอธิบายไปช้างต้นนั้นก็คือเหตุผลว่าทำไมชื่อเรียกของแผ่นพื้นชนิดนี้จึงเป็น โครงสร้างพื้นแบบไฮบริด นั่นเป็นเพราะโครงสร้างพื้นชนิดนี้จะมีการวางตัวเป็นแบบพื้นอย่างง่าย หรือ SIMPLY SUPPORTED SLAB ซึ่งเราทราบดีว่าลักษณะของโครงสร้างแบบนี้ที่บริเวณ ผิวด้านบนของหน้าตัด หรือ TOP FIBER นั้นจะเกิดเป็นหน่วยแรงเค้นอัด หรือ COMPRESSION STRESS และที่บริเวณ ผิวด้านล่างของหน้าตัด หรือ BOTTOM FIBER นั้นก็จะเกิดเป็นหน่วยแรงเค้นดึง หรือ TENSION STRESS ซึ่งเราก็จะนำเอาวัสดุคอนกรีตที่มีจุดเด่นในเรื่องของการรับหน่วยแรงอัดที่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาใช้ในการรับหน่วยแรงเค้นอัดนี้และก็จะอาศัยวัสดุเหล็กที่มีจุดเด่นในเรื่องของการรับหน่วยแรงดึงที่ดีมากๆ มาใช้ในการรับหน่วยแรงเค้นดึงที่เกิดขึ้น ซึ่งหลักการดังกล่าวก็คือ การนำเอาจุดแข็งหรือจุดเด่นของแต่ละวัสดุนำมาใช้งานภายในหนึ่งหน้าตัดของโครงสร้างของเรานั่นเองครับ

ตัวแผ่นลอนเหล็กนั้นจะถูกผลิตขึ้นจากเหล็กชุบสังกะสีรีดขึ้นรูปและจะมีปุ่มนูน หรือ EMBOSSMENT หรือบางครั้งก็อาจจะใช้เป็น เหล็กมุด หรือ STEEL STUD ให้มีการกระจายตัวอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ เช่น สันของแผ่นลอนเหล็ก เป็นต้น โดยที่ปุ่มนูนหรือเหล็กหมุดเหล่านี้ก็จะทำหน้าที่เสมือนเป็นเหมือนตัวยึดเกาะเพื่อให้แผ่นพื้นเหล็กกับคอนกรีตนั้นมีเกิดการผสานเข้าด้วยกันโดยที่จะมีความเนื้อเดียวกันให้มากที่สุดนะครับ

ในปัจจุบันนั้นงานพื้นที่ใช้ โครงสร้างแผ่นพื้นสำเร็จรูปหน้าตัดผสมเหล็ก มักจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในงานก่อสร้างหลากหลายประเภทเลย นั่นเป็นเพราะโครงสร้างแผ่นพื้นสำเร็จรูปหน้าตัดผสมเหล็กนั้นจะเป็นงานระบบแผ่นพื้นที่สามารถที่จะใช้เพื่อการก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว แข็งแรง ประหยัด ทั้งในเรื่องของไม้แบบและก็เหล็กเสริม ดังนั้นจึงมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้สำหรับการก่อสร้างอาคารทั่วๆ ไปเลย เช่น อาคารโรงงาน อาคารตึกสูง อาคารสำนักงาน อาคารบ้านพักอาศัย เป็นต้นนะครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านจากคำตอบในวันนี้น่าที่จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
#โพสต์ของวันพุธ
#ความรู้เรื่องประสบการณ์งานคำนวณออกแบบและการก่อสร้าง
#ความรู้เรื่องโครงสร้างพื้นที่มีการใช้งานในโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ
#ครั้งที่5
ADMIN JAMES DEAN


บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปัน ไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)

1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น

2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น

3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น

เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)

4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น

5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น

เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)

6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น

7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น

8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447 (คุณจิน)
☎️ 082-790-1448 (คุณสปัน)
☎️ 082-790-1449 (คุณปุ๊ก)
☎️ 091-9478-945 (คุณสปัน)
☎️ 091-8954-269 (คุณสปัน)
☎️ 091-8989-561 (คุณมาย)
📲 https://lin.ee/hum1ua2
🎥 https://lin.ee/gN4OMZe
📥 https://m.me/bhumisiam

 

🌎 Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com

ตอกเสาเข็มต่อเติมขยายอาคาร ด้วยเสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micropile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I-Micropile เพื่อส่วนต่อเติมที่มั่นคง

ตอกเสาเข็มต่อเติมขยายอาคาร ด้วยเสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micropile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I-Micropile เพื่อส่วนต่อเติมที่มั่นคง

เสาเข็มมีความสำคัญต่ออาคาร ที่มีการต่อเติมมากที่สุด เนื่องจากเสาเข็มเป็นสิ่งที่ถ่ายน้ำหนักโครงสร้างลงสู่พื้นดิน หากไม่ตอกเสาเข็ม ส่วนที่ต่อเติมมีแนวโน้มที่จะทรุดตัวสูง ดังนั้นควรเลือกใช้เสาเข็มที่มีคุณภาพ แข็งแรง ถูกต้องตามหลักการออกแบบทางวิศวกรรม

เพื่อรากฐานของสิ่งก่อสร้างที่มั่นคง เราขอแนะนำ เสาเข็มสปันไมโครไพล์ และเสาเข็มไอไมโครไพล์ ของภูมิสยาม เสาเข็มที่สามารถรับน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างได้ภายใต้การทำงานและการติดตั้งที่มีการดูแลโดยวิศวกรที่มีประสบการณ์ด้านเสาเข็ม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ

เนื่องจากเสาเข็มแม้ตอกแล้วจะมองไม่เห็นเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่กลับเป็นรากฐานของสิ่งก่อสร้างทั้งหมด

เสาเข็มของภูมิสยามได้รับ มาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 ทดสอบการรับน้ำหนักของเสาเข็มด้วยวิธีพลศาสตร์ (DYNAMIC LOAD TEST) ทำให้มั่นใจได้ว่า ส่วนที่ต่อเติมจะมั่นคงไม่ทรุดในภายหลัง และการรับน้ำหนักที่ปลอดภัย เลือกเสาเข็มของภูมิสยาม

สนใจเสาเข็ม ติดต่อ ภูมิสยาม เราพร้อมให้บริการ และให้คำปรึกษาการเลือกตอกเสาเข็มที่เหมาะสมกับหน้างาน

Miss Spunpile 

Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447 (คุณจิน)
☎️ 082-790-1448 (คุณสปัน)
☎️ 082-790-1449 (คุณปุ๊ก)
☎️ 091-9478-945 (คุณสปัน)
☎️ 091-8954-269 (คุณสปัน)
☎️ 091-8989-561 (คุณมาย)
📲 https://lin.ee/hum1ua2
🎥 https://lin.ee/gN4OMZe
📥 https://m.me/bhumisiam

 

🌎 Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com

ภูมิสยาม – เทคโนโลยีการผลิตด้วยระบคอมพิวเตอร์

เทคโนโลยีการผลิตด้วยระบคอมพิวเตอร์

  • โปรแกรมผสมคอนกรีตเดียวกันกับ SCG-CPAC
  • มาตรฐาน Concrete Mix Design โดย SCG
  • การชั้งตวง ซีเมนต์ หิน ทราย น้ำ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์

โปรแกรมผสมคอนกรีตเดียวกันกับ SCG-CPAC


มาตรฐาน Concrete Mix Design โดย SCG
การชั้งตวง ซีเมนต์ หิน ทราย น้ำ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์

Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐาน มอก. การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติมรายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)ต้องการตอกเสาเข็ม
สปันไมโครไพล์

ปรึกษาทีมงานได้ที่

LINE น้องสปัน
http://line.me/ti/p/~bsp15

LINE น้องจินนี่
http://line.me/ti/p/~0827901447

LINE@BHUMISIAM
https://line.me/R/ti/p/%40bhumisiam

☎ สายด่วนภูมิสยาม:
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449
091-947-8945
081-634-6586

🌎 Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com

 

 

“ความรู้ดีๆ เพื่อคุณผู้หญิง” ความสำคัญของหน่วยแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้าง

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

กลับมาพบกันในทุกๆ วันจันทร์แบบนี้อีกครั้งหนึ่งซึ่งผมก็จะมาพบกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะพูดคุยกันถึงหัวข้อ “ความรู้ดีๆ เพื่อคุณผู้หญิง” นะครับ

ตามที่ผมได้รับปากกับเพื่อนๆ ไว้ว่าในวันนี้ผมจะขออนุญาตมาทำการสาธิตขั้นตอนในการคำนวณหาว่า หากเรามีหน้าตัดโครงสร้างเสา คสล ที่ถูกโอบรัดด้วยเหล็กปลอกแล้ว เราจะมีวิธีในการคำนวณหาค่าหน่วยแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้างได้อย่างไรบ้าง ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาผมจะทำการอธิบายขั้นตอนในการคำนวณผ่านตัวอย่างที่ผมได้ทำการกำหนดขึ้นมาก็แล้วกันนะครับ


ผมมีหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล ขนาดความกวามกว้างระบุหรือ NOMINAL WIDTH เท่ากับ 500 MM และความลึกระบุหรือ NOMINAL DEPTH เท่ากับ 700 MM แต่จะมีค่าความลึกที่ถูกทำการก่อสร้างจริงหรือ ACTUAL DEPTH เท่ากับ 690 MM โดยที่คอนกรีตนั้นจะมีค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ยังไม่ถูกโอบรัดทางด้านข้างหรือ fc’ มีค่าเท่ากับ 210 KSC และเหล็กปลอกนั้นจะเป็นเหล็กข้ออ้อยที่มีค่าหน่วยแรงดึงที่จุดครากมีค่าเท่ากับ 4000 KSC ทั้งนี้ผมกำหนดให้ใช้ค่าตัวคูณกำลังส่วนเกินของวัสดุหรือ OVER STRENGTH FACTOR มีค่าเท่ากับ 1.25 และรายละเอียดของการเสริมเหล็กยืนและเหล็กปลอก รวมถึงมิติต่างๆ ของโครงสร้างเสา คสล และการเสริมเหล็กนั้นจะเป็นไปตามรูปที่ 1 ที่ผมได้แนบเอาไว้ในโพสต์ๆ นี้ หากผมทำการเสริมให้เหล็กปลอกทุกๆ เส้นภายในหน้าตัดของหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล นี้มีค่าของระยะห่างของเหล็กปลอกหรือ S ที่เท่าๆ กัน ซึ่งก็จะมีค่าเท่ากับ 150 MM ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำการคำนวณหาว่าค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้างหรือ fcc’ ของหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล ต้นนี้จะมีค่าเท่ากับเท่าใดไปพร้อมๆ กันนะครับ

เริ่มต้นจากอย่างแรกเลยคือ เราจะต้องทราบก่อนว่าเหล็กปลอกที่ใช้เสริมในหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล ของเรานั้นมีค่าเท่ากับเท่าใด ซึ่งกรณีของปัญหาข้อนี้เราจะพบว่า เหล็กปลอกนั้นจะมีขนาดที่เท่าๆ กันทั้งหมดนั่นก็คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 12 MM ดังนั้นจะทำให้ค่าพื้นที่หน้าตัดของเหล็กปลอก 1 เส้น นั้นมีค่าเท่ากับ
Abh = π × (12/10)^(2) / 4
Abh = 1.13 CM^(2)

เราจะมาเริ่มต้นทำการคำนวณหาค่าแรงเค้นที่เกิดจากการโอบรัดของหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล ในด้านกว้างหรือ f2 กันก่อน ซึ่งก็จะพบว่าจะมีเหล็กปลอกที่ทำหน้าที่ในการโอบรัดเหล็กยืนอยู่ในด้านกว้างนี้ทั้งหมดเท่ากับ 3 เส้น ทำให้พื้นที่ของเหล็กปลอกที่ทำการโอบรัดอยู่ในด้านกว้างหรือ Ash2 นั้นจะมีค่าเท่ากับ
Ash2 = 1.13 × 3
Ash2 = 3.39 CM^(2)

ส่วนความกว้างของโครงสร้างเสา คสล ที่ถูกโอบรัดหรือ BC2 นั้นจะมีค่าเท่ากับ 420 MM ดังนั้นเราจะสามารถทำการคำนวณหาค่าๆ นี้ได้จากสมการต่อไปนี้
f2 = Ash2 × fs / ( BC2 × S )
f2 = 3.39 × 1.25 × 4000 / ( 420/10 × 150/10)
f2 = 26.9 KSC

ต่อมาเราจะมาทำการคำนวณหาค่าแรงเค้นที่เกิดจากการโอบรัดของหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล ในด้านลึกหรือ f3 กันต่อ ซึ่งก็จะพบว่าจะมีเหล็กปลอกที่ทำหน้าที่ในการโอบรัดเหล็กยืนอยู่ในด้านลึกนี้ทั้งหมดเท่ากับ 4 เส้น ทำให้พื้นที่ของเหล็กปลอกที่ทำการโอบรัดอยู่ในด้านกว้างหรือ Ash3 นั้นจะมีค่าเท่ากับ
Ash3 = 1.13 × 4
Ash3 = 4.52 CM^(2)

ส่วนความลึกของโครงสร้างเสา คสล ที่ถูกโอบรัดหรือ BC3 นั้นจะมีค่าเท่ากับ 610 MM ดังนั้นเราจะสามารถทำการคำนวณหาค่าๆ นี้ได้จากสมการต่อไปนี้
f3 = Ash3 × fs / ( BC3 × S )
f3 = 4.52 × 1.25 × 4000 / ( 610/10 × 150/10)
f3 = 24.7 KSC

ต่อมาเราจะมาทำการคำนวณหาค่าสัดส่วนระหว่างค่าระยะห่างของเหล็กปลอกต่อระยะของเสาแต่ละด้านโดยเฉลี่ยของหน้าตัดโครงสร้างเสา คสล นี้กัน ซึ่งเราจะสามารถทำการคำนวณหาค่าๆ นี้ได้จากสมการต่อไปนี้
S/BC AVERAGE = ( S/BC2 + S/BC3 ) / 2
S/BC AVERAGE = ( 150/420 + 150/610 ) / 2
S/BC AVERAGE = 0.30

ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำการคำนวณหาค่าสัมประสิทธิ์การโอบรัดแบบประสิทธิผลหรือค่า ke กัน เมื่อเราพิจารณาหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล ของเราแล้วก็จะพบว่า จะมีเหล็กยืนที่ถูกยึดด้วยเหล็กปลอกหรือ NL อยู่ทั้งหมด 10 เส้น ด้วยกัน ดังนั้นเราจะสามารถทำการคำนวณหาค่าๆ นี้ได้จากสมการต่อไปนี้
Ke = ( 1 ‒ S/BC AVERAGE ) × ( NL ‒ 2 ) / NL
Ke = ( 1 ‒ 0.30 ) × ( 10 ‒ 2 ) / 10
Ke = 0.56

ดังนั้นเราจะสามารถทำการคำนวณหาค่าแรงเค้นที่เกิดจากการโอบรัดของหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล แบบประสิทธิผลหรือ fie ซึ่งจะสามารถทำการคำนวณได้จากผลของการคูณกันระหว่างค่า ke กับค่า fi ซึ่งจะมีค่าเท่ากับ
f2e = ke × f2
f2e = 0.56 × 26.9
f2e = 15.06 KSC
และ
f3e = ke × f3
f3e = 0.56 × 24.7
f3e = 13.83 KSC

หลังจากนั้นเราจะมาทำการคำนวณหาค่าที่อยู่ในแกน X และ Y ที่เราจะนำไปใช้ในการพิจารณาต่อในแผนภูมิในรูปที่ 2 ที่ผมได้แนบมาในโพสต์ๆ นี้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นค่าสัดส่วนระหว่างค่าแรงเค้นที่เกิดจากการโอบรัดของหน้าตัดของโครงสร้างเสา คสล แบบประสิทธิผลส่วนด้วยค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ยังไม่ถูกโอบรัดทางด้านข้างที่ถูกปรับแก้ค่าแล้ว ทั้งนี้สำหรับปัญหาข้อนี้ผมจะใช้ค่าการปรับแก้เท่ากับ 0.85 ตามที่มาตรฐานการออกแบบได้แนะนำให้ใช้ก็แล้วกันนะ ดังนั้นค่าในแกน X และ Y ก็จะมีค่าที่ได้จากการคำนวณเท่ากับ
X = f3e / ( C × fc’ )
X = 13.83 / ( 0.85 × 210 )
X = 0.077
และ
Y = f2e / ( C × fc’ )
Y = 15.06 / ( 0.85 × 210 )
Y = 0.084

ซึ่งผลจากการพิจารณาค่าในแกน X และ Y ก็จะพบว่าค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้างส่วนด้วยค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ยังไม่ถูกโอบรัดทางด้านข้างที่ถูกปรับแก้ค่าแล้วจะมีค่าประมาณ 1.45 ดังนั้นหากเราแทนค่าๆ นี้ลงไปในสมการข้างล่าง เราก็จะสามารถทำการคำนวณหาค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้างออกมาได้มีค่าเท่ากับ
fcc’ / ( C × fc’ ) = 1.45
fcc’ / ( 0.85 × 210 ) = 1.45
fcc’ = 1.45 × 0.85 × 210
fcc’ = 259 KSC
fcc’ ≈ 260 KSC

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้างนั้นจะมีค่าสูงกว่าค่าหน่วยแรงแรงอัดของคอนกรีตที่ยังไม่ถูกโอบรัดทางด้านข้างอยู่ที่ประมาณ 1.24 เท่า ทั้งนี้หากเรามีความต้องการที่จะเพิ่มค่าสัดส่วนของค่าหน่วยแรงนี้ให้มีค่าที่เพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีก นั่นก็แสดงว่าเราจะต้องทำการลดระยะช่วงว่างของเหล็กปลอกให้มีความถี่มากยิ่งขึ้นและ/หรือทำการเพิ่มขนาดของพื้นที่หน้าตัดของเหล็กปลอกในแต่ละชั้นให้มีค่าที่มากยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้นะครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านจากคำถามในวันนี้น่าที่จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
#โพสต์ของวันจันทร์
#ความรู้ที่มีประโยชน์เพื่อคุณผู้หญิง
#ความสำคัญของหน่วยแรงอัดของคอนกรีตที่ถูกโอบรัดทางด้านข้าง
#ครั้งที่2
ADMIN JAMES DEAN


Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน ทดสอบการรับน้ำหนักโดยวิธี Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447
☎️ 082-790-1448
☎️ 082-790-1449
☎️ 091-9478-945
☎️ 091-8954-269
☎️ 091-8989-561
📲 https://lin.ee/hum1ua2
📥 https://m.me/bhumisiam

“ความรู้ดีๆ เพื่อคุณผู้หญิง” การคำนวณหาค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

กลับมาพบกันในทุกๆ วันจันทร์แบบนี้อีกครั้งหนึ่งซึ่งผมก็จะมาพบกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะพูดคุยกันถึงหัวข้อ “ความรู้ดีๆ เพื่อคุณผู้หญิง” นะครับ

ตามที่ผมได้เรียนกับเพื่อนๆ ไปว่าในวันนี้ผมจะขออนุญาตมาทำการยกตัวอย่างถึงเรื่องการคำนวณเกี่ยวกับเรื่องค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์ หรือ EULER’S CRITICAL COMPRESSION LOAD หรือ ที่พวกเรานิยมเรียกชื่อนี้ว่า Pcr ซึ่งจริงๆ แล้วหากเพื่อนๆ ติดตามโพสต์ของผมเมื่อช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็น่าจะเห็นวิธีการในการคำนวณกันไปบ้างแล้วแต่สำหรับเพื่อนๆ ที่อาจจะยังไม่ได้มีโอกาสอ่านโพสต์ดังกล่าวก็ไม่เป็นไรนะ เรามารับชมวิธีในการคำนวณหาว่าค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์นั้นจะมีวิธีการคำนวณได้อย่างไรไปพร้อมๆ กันนะครับ


ก่อนอื่นเรามาเริ่มต้นที่สมการตั้งต้นของเราก่อนนั่นก็คือ สมการค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์ ซึ่งก็จะมีหน้าตาของสมการดังต่อไปนี้
Pcr=π^(2)×E×I/[K×Lu ]^(2)EQ.(1)

ซึ่งเราก็จะสามารถเห็นได้ว่า หากเราต้องการที่จะคำนวณหาว่า ค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์ตามทฤษฎีและที่ได้มีการให้คำแนะนำเอาไว้เพื่อที่จะนำเอาไปใช้ในการออกแบบของเจ้าชิ้นส่วนโครงสร้างที่ต้องทำหน้าที่ในการรับแรงอัดโครงสร้างนี้จะมีค่าเท่ากับเท่าใด ก็มีเพียงแค่พารามิเตอร์เดียวที่เราจะต้องเลือกทำการแทนค่าเข้าไปในสมการ EQ.(1) นั่นก็คือค่า K ตามทฤษฎีและค่า K ที่ได้มีการให้คำแนะนำเอาไว้เพื่อที่จะนำเอาไปใช้ในการออกแบบ ซึ่งเราก็สามารถที่จะพิจารณาเลือกดูได้จากในรูปที่สองที่ผมได้แนบมาในโพสต์ของวันนี้ได้ ซึ่งค่า K ทั้งสองค่าสำหรับกรณีนี้ก็จะมีค่าที่เท่าๆ กัน นั่นก็คือมีค่าเท่ากับ 1.00 ดังนั้นหากเราแทนค่าๆ นี้ลงไปในสมการ EQ.(1) เราก็จะได้ค่าของแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์ของเจ้าชิ้นส่วนโครงสร้างที่ต้องทำหน้าที่ในการรับแรงอัดโครงสร้างนี้ซึ่งก็จะมีค่าเท่ากับ
Pcr=π^(2)×E×I/[K×Lu]^(2)
Pcr=π^(2)×E×I/[1.00×Lu ]^(2)
Pcr=π^(2)×E×I/[1.00^(2)×Lu^(2)] Pcr=π^(2)×E×I/[1.00×Lu^(2)] Pcr=π^(2)×E×I/Lu^(2)EQ.(2)

ดังนั้นค่าของแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์ตามทฤษฎีและที่ได้มีการให้คำแนะนำเอาไว้เพื่อที่จะนำเอาไปใช้ในการออกแบบของเจ้าชิ้นส่วนโครงสร้างที่ต้องทำหน้าที่ในการรับแรงอัดโครงสร้างนี้จะมีค่าดังแสดงอยู่ใน EQ.(2) ซึ่งก็จะมีค่าเท่ากับ π^(2) × E × I / Lu^(2) นั่นเองครับ

อย่างที่ผมได้เรียนให้แก่เพื่อนๆ ทุกๆ คนทราบไปไปเมื่อในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ว่า เรื่องสมการค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์นี้เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมากเกี่ยวกับวิชากลศาสตร์ของวัสดุหรือ MECHANICS OF MATERIALS ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็จะต้องนำเอาพื้นฐานของเรื่องๆ นี้ไปต่อยอดในวิชาออกแบบต่างๆ อีกมากมายเลย เช่น การออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือ STRUCTURAL CONCRETE DESIGN การออกแบบโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ หรือ STRUCTURAL STEEL DESIGN การออกแบบโครงสร้างไม้ หรือ STRUCTURAL TIMBER DESIGN เป็นต้น ดังนั้นหากในอนาคตผมจะทำการพูดถึงเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องๆ นี้ในโพสต์อื่นๆ อีก ผมมีความคิดว่าเพื่อนๆ น่าที่จะพอมีความคุ้นเคย มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องๆ นี้ในระดับหนึ่งกันแล้วนะครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านจากคำถามในวันนี้น่าที่จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
#โพสต์ของวันจันทร์
#ความรู้ที่มีประโยชน์เพื่อคุณผู้หญิง
#ตัวอย่างการคำนวณหาค่าแรงอัดวิกฤติของออยเลอร์
ADMIN JAMES DEAN


Bhumisiam (ภูมิสยาม)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service)

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile และเสาเข็มไอไมโครไพล์ I Micropile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กแบบแรงเหวี่ยง มอก.397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก.396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน ทดสอบการรับน้ำหนักโดยวิธี Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile)
1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น
2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile)
4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น
5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)
6) Dia.21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น
7) Dia.25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น
8) Dia.30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)


สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ
☎️ 082-790-1447
☎️ 082-790-1448
☎️ 082-790-1449
☎️ 091-9478-945
☎️ 091-8954-269
☎️ 091-8989-561
📲 https://lin.ee/hum1ua2
📥 https://m.me/bhumisiam

1 2 3 4 5 6 7 8 16